เมื่อถึงวัยที่ลูกต้องเข้าโรงเรียน นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เด็กๆ จะได้ออกไปเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีขนาดใหญ่กว่าครอบครัว ดังนั้นการสื่อสารระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจในข้อกำหนด ระเบียบ รวมถึงการให้ข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนานักเรียนร่วมกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

กิจกรรม “คุยกับคุณครู” เป็นกิจกรรมที่โรงเรียนสาธิตพัฒนาจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสครูและผู้ปกครองได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง หลังสอบกลางภาค แบ่งเป็น 2 ช่วง คือคุยกับครูประจำชั้นในห้องเรียน และคุยกับครูตามรายวิชา เพื่อให้ผู้ปกครองทราบว่า เมื่อลูกมาโรงเรียนแล้วเป็นอย่างไร ครูจะให้คำปรึกษาและแนะนำทั้งในด้านพฤติกรรมและการเรียน พฤติกรรมของนักเรียนระหว่างอยูที่บ้านกับโรงเรียนอาจมีความแตกต่างกัน การสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครองจะทำให้การดูแลนักเรียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด และยังช่วยให้สามารถพัฒนานักเรียนไปตามความสามารถของเขาเองได้

ทั้งนี้ ผู้ปกครองจะต้องเปิดใจรับข้อมูลและร่วมแก้ปัญหาไปด้วยกันกับโรงเรียน ผู้ปกครองต้องเข้าใจพื้นฐานของความเป็นครู ในขณะที่ครูก็ต้องเข้าใจหัวอกของพ่อแม่ เพราะหากเกิดมีความเห็นใดที่ขัดแย้งกันแล้ว ผลเสียจะตกอยู่กับตัวนักเรียนเอง ในบางกรณีคำพูดของครู อาจทำให้ผู้ปกครองเสียใจ แต่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับและต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน เพื่อช่วยเด็กของเราให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมคุยกับคุณครูส่วนใหญ่จะเป็นระดับเด็กเล็ก ขณะที่ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นโตมีจำนวนน้อยกว่า เพราะผู้ปกครองเข้าใจว่าลูกสามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีแล้ว แต่ในความเป็นจริง วัยรุ่นเป็นวัยที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเช่นกัน เนื่องจากเด็กอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ กิจกรรมคุณกับคุณครู จึงเป็นการสื่อสารระหว่างกันของคุณครูและผู้ปกครองที่มีพลังอย่างยิ่งสำหรับการดูแลบุตรหลานอันเป็นที่รักของเรา เพื่อที่เขาจะได้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เป็นที่ยอมรับและต้องการของสังคม

เสียงสะท้อนจากผู้ปกครอง ในกิจกรรม “คุยกับคุณครู”

“มาร่วมกิจกรรมนี้ทุกครั้ง เพราะจะทำให้ทราบว่า เวลาลูกอยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร เมื่อเกิดแรงกดดันลูกมีการตอบสนองอย่างไร มีปัญหาในการเรียนเรื่องใด เราจะได้ข้อคิดที่ดีจากคุณครู และมีโอกาสได้สอบถามในเรื่องที่สงสัย พฤติกรรมของเด็กเวลาอยู่ในบ้านกับนอกบ้านแตกต่างกัน การเข้ามารู้จักพฤติกรรมของลูกจากหลายมุมมองของครู จะเป็นการป้องกันเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับลูก เพราะเด็กต้องใช้เวลากว่า 60-70 % อยู่ในโรงเรียน ตลอดชีวิตของเขาจะต้องพบเจอเรื่องราวอะไรอีกมากมาย ลูกจะรับมือได้อย่างไรก็เป็นผลต่อเนื่องจากการเลี้ยงดูตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะการเลี้ยงลูกก็เหมือนการปลูกต้นไม้ เราต้องเอาใจใส่เขาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้เด็กมีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ และผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการเห็นลูกสามารถใช้ชีวิตในสังคมและช่วยสังคมได้ จึงคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองควรเข้าร่วม”
▣ ผู้ปกครองของ นักเรียนชั้น ป.3/4

“ทุกครั้งที่มีกิจกรรม คุณแม่จะมาพร้อมกับคุณพ่อและแบ่งกันไปคุยกับคุณครูแต่ละวิชา ปีที่แล้วคุณครูก็ได้ช่วยแนะนำเรื่องคะแนนสอบ เพราะพบปัญหาว่าลูกทำข้อสอบได้ไม่ทันตามเวลา และบกพร่องในการคิดวิเคราะห์ ซึ่งคุณแม่ไม่ได้สนใจว่าลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่อยากทราบพัฒนาการของลูกมากกว่า จึงให้ความสนใจกับกิจกรรมนี้มาก โดยไม่ได้คิดว่าเป็นการรบกวนเวลาทำงาน แต่ความใส่ใจของผู้ปกครองแต่ละคนคงต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของผู้ปกครองว่าอยากเลี้ยงลูกอย่างไร สำหรับเรา เรื่องเกรดไม่สำคัญ แค่อยากเห็นว่าลูกโตขึ้นและสามารถจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วก็ตรงกับแนวทางของโรงเรียนสาธิต”
▣ ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ป.2/1

“ลูกของเราเริ่มจะเป็นวัยรุ่น ก็จะเป็นธรรมชาติของเด็กวัยนี้ที่จะไม่ค่อยสื่อสารกับพ่อ แม่ ดังนั้นการที่โรงเรียนมีกิจกรรมคุยกับคุณครู ผู้ปกครองจะได้รู้อีกมุมของลูก ทั้งด้านพฤติกรรมของลูกกับเพื่อนในห้อง ภาพรวมในห้องเรียนของลูกในวันแรกที่เราคุยกับครูประจำชั้น ส่วนในวันที่คุยกันเป็นรายวิชาที่ครูสอน ก็จะทราบจุดอ่อนของลูกในแต่ละวิชา รู้ว่าเขาส่งงานหรือไม่ งานค้างเยอะไหม มีวินัยหรือเปล่า สาเหตุใดที่ทำให้คะแนนตกลง แต่เราจะไม่ค่อยเข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของลูก เพราะเข้าใจดีว่าตอนที่เราเป็นวัยรุ่น เราก็ไม่ชอบให้พ่อแม่มายุ่งเรื่องส่วนตัวเหมือนกัน เราจึงให้เขารับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เขามีหน้าที่เรียน แต่ถ้ามีตรงไหนที่คะแนนไม่ดี เราก็จะช่วยแนะนำหรือพาไปเรียนเสริม เลี้ยงลูกวัยรุ่นต้องมีจิตวิทยา คือดูห่างๆ อย่างห่วงๆ เมื่อมีปัญหาต้องคุยด้วยเหตุผล ลูกก็จะเข้าใจ เพราะเราก็มีภารกิจมากมาย ลูกจึงต้องรับผิดชอบตนเองได้ส่วนหนึ่ง”
▣ ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.1/1

กิจกรรมคุยกับคุณครูจึงสำคัญสำหรับโรงเรียนและบ้านเพื่อการดูแลลูกๆ ของเราทุกคน